วันพุธที่ 18 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558

Helmint

พยาธิเส้นด้าย (Enterobius  vermicularis)


   โรคพยาธิเส้นด้าย เป็นโรคพยาธิที่พบได้บ่อยในเด็กเล็ก สามารถติดต่อได้ง่ายในครอบครัว และในโรงเรียน ส่วนใหญ่ไม่มีอาการ ส่วนอาการที่พบบ่อยคือ คันก้นมากตอนกลางคืน ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่พยาธิออกมาวางไข่ที่ผิวหนังรอบๆ ก้น
      โรคนี้ นอกจากทำให้คันก้นมาก (และเด็กผู้หญิงคันช่องคลอดร่วมด้วย) จนอาจนอนไม่หลับแล้ว ก็มักจะไม่มีภาวะแทรกซ้อนที่ร้ายแรงใดๆ สามารถใช้ยาถ่ายพยาธิรักษาให้หายขาดได้
ชื่อภาษาไทย
  โรคพยาธิเส้นด้าย โรคพยาธิเข็มหมุด
ชื่อภาษาอังกฤษ
 Enterobiasis, Pinworm infection, Thread-worm infection
สาเหตุ
       เกิดจากการติดเชื้อพยาธิเส้นด้าย ("พยาธิเข็มหมุด"ก็เรียก) มีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า "เอนเทอโรเบียสเวอร์มิคูลาริส (Enterobius vermicularis)"
      พยาธิตัวกลมชนิดนี้ มีสีขาวลักษณะคล้ายเส้นด้ายหรือเข็มหมุด ตัวเมียขนาดยาวประมาณ 1 ซม. ส่วนตัวผู้ประมาณ 0.3 ซม.
      พยาธิตัวแก่อาศัยอยู่ในลำไส้ของคนเรา เมื่อผู้ป่วยนอนหลับตอนกลางคืน พยาธิตัวเมียที่มีไข่ที่ถูกผสมแล้วจะเคลื่อนตัวออกมาวางไข่ (จำนวนนับพันฟอง) ที่บริเวณผิวหนังที่อยู่รอบก้นผู้ป่วย แล้วไข่พยาธิจะฟักเป็นตัวอ่อนภายใน 6 ชั่วโมง ตัวอ่อนบางตัวอาจเคลื่อนย้ายเข้าไปเจริญเป็นตัวแก่ในลำไส้ ผู้ป่วยส่วนใหญ่จะไม่มีอาการแสดงใดๆ ให้รู้สึก บางคนอาจมีอาการคันก้นและนอนไม่หลับ
     เมื่อผู้ป่วยเกาก้น ไข่พยาธิจะติดที่ซอกเล็บหรือปลายนิ้ว เมื่อผู้ป่วยกินอาหาร โดยใช้มือจับอาหารหรือผู้ที่ชอบกัดเล็บหรือดูดนิ้วเล่น ก็จะกลืนเอาไข่พยาธิลงไปในลำไส้ ไข่ก็จะฟักเป็นตัวอ่อนและเจริญเป็นตัวแก่ต่อไป

วงจรชีวิตของพยาธิเส้นดาย


 การติดต่อ
                  คนติดเชื้อพยาธิเส้นด้ายได้โดย 
  •          รับประทานอาหารหรือน้ำที่มีตัวอ่อนระยะที่ 3 (ตัวอ่อนพยาธิเส้นด้ายมี 3 ระยะ ตัวอ่อนระยะที่ติดต่อได้ คือ ตัวอ่อนระยะที่3) ของพยาธิเส้นด้ายปะปนอยู่โดยเฉพาะน้ำที่ไม่ได้ต้มสุกหรืออาหารที่ไม่สะอาด
  •        การติดต่ออีกวิธีหนึ่งคือ ตัวอ่อนระยะที่ 3 ไชเข้าผิวหนังโดยตรงจากตัวอ่อนระยะที่ 3 ที่อยู่ในดินโดยเฉพาะบริเวณเท้าในคนที่เดินเท้าเปล่า
  •       การติดเชื้ออีกแบบคือ จากไข่พยาธิ ที่พยาธิตัวเมียไข่ออกมาบริเวณลำไส้ใหญ่ส่วนปลาย ซึ่งไข่นี้จะมาอยู่ที่บริเวณทวารหนัก จะฟักเป็นตัวอ่อนระยะที่ 1 ระยะที่ 2 และระยะที่ 3 ซึ่งเป็นระยะติดต่อที่บริเวณทวารหนัก จากนั้นตัวอ่อนระยะที่ 3 จะไชกลับเข้าร่างกายทางผิว หนังรอบปากทวารหนัก เข้าสู่กระแสเลือด ทำให้ผู้ป่วยมีอาการคันก้นโดยเฉพาะเวลากลางคืน จากนั้นพยาธิตัวอ่อนจะไปสู่ปอดทางกระแสเลือด ทำให้เกิดอาการปอดอักเสบเล็กน้อย ผู้ป่วยอาจจะมีอาการไอ หรือไข้จากปอดอักเสบได้ถ้าตัวอ่อนมีจำนวนมาก จากนั้นตัวอ่อนจะถูกกลืนจากเสมหะลงลำไส้ เจริญกลายเป็นตัวแก่ต่อไป การติดเชื้อแบบนี้จะเห็นว่าผู้ป่วยไม่จำเป็นต้องได้พยาธิเพิ่มจากสิ่งแวดล้อมภายนอก ก็สามารถมีปริมาณพยาธิเพิ่มขึ้นในร่างกายได้เอง ถึงแม้ผู้ป่วยจะออกจากสิ่งแวดล้อมที่มีพยาธิแล้ว แต่โรคก็ไม่หายขาด เพราะการได้รับพยาธิตัวอ่อนเข้าสู่ผิวหนังรอบปากทวารหนักนี่เอง ซึ่งลักษณะการติดเชื้อเช่นนี้ เรียกว่า Autoinoculation
  •        การติดเชื้ออีกแบบคือ ไข่ที่อยู่บริเวณทวารหนัก/ปากทวารหนัก จะติดไปกับนิ้วและซอกเล็บของผู้ป่วยจากการเกาที่ปากทวารหนัก เพราะผู้ป่วยจะมีอาการคันก้นมาก เมื่อผู้ป่วยอมนิ้วหรือเอานิ้วเข้าปากเวลาทานอาหาร ไข่ที่ติดอยู่ที่นิ้วและเล็บจะเข้าปาก ลงสู่ลำไส้ เจริญเติบ โตกลายเป็นตัวแก่ต่อไป

วงจรชีวิต
       วงจรชีวิตของพยาธิเส้นด้าย คือ ตัวแก่ของพยาธินี้จะอยู่ในลำไส้เล็กทั้งส่วนกลางและส่วนปลาย ไส้ติ่ง และลำไส้ใหญ่ส่วนต้นของมนุษย์ ตัวแก่ตัวผู้และตัวเมียจะผสมพันธุ์ออกไข่ปนออกมากับอุจจาระ โดยบางส่วนจะกลายเป็นตัวอ่อนระยะที่ 1 ปนออกมาในอุจจาระด้วย ไข่จะออกมากับอุจจาระทำให้สามารถตรวจพบได้ในอุจจาระของผู้ป่วย ไข่ที่ผสมแล้วจะเจริญเป็นตัวอ่อนระยะที่ 1, ระยะที่ 2, และระยะที่ 3 ที่เป็นระยะติดต่อสู่ตนเองหรือสู่ผู้อื่นได้
       ถ้าผู้ป่วยไม่ได้ถ่ายอุจจาระลงส้วม ไข่จะอยู่ในดินหรือปะปนอยู่ในน้ำ หรือกลายเป็นตัวอ่อน ถ้ามีคนอื่นดื่มน้ำ หรือรับประทานอาหารที่มีไข่พยาธิ หรือตัวอ่อนระยะที่ 3 เข้าไป เปลือกไข่พยาธิจะไปแตกในลำไส้ หลังจากนั้นตัวอ่อนของพยาธิที่ออกมาจากไข่ หรือที่กินเข้าไปจะเจริญกลายเป็นตัวแก่ตัวผู้และตัวเมียต่อไปมนุษย์เป็น ตัวให้อาศัย (Host, ที่อยู่อาศัยที่ให้การเจริญเติบโตและ/หรือการสืบพันธุ์) ของพยาธิตัวนี้ได้โดยไม่ต้องอาศัยสัตว์ชนิดอื่นร่วมในวงจรชีวิตด้วยตัวแก่ตัวผู้จะตายหลังจากผสมพันธุ์ที่บริเวณลำไส้เล็กและถูกย่อยสลายไป จึงไม่ค่อยพบพยาธิตัวแก่ตัวผู้ในอุจจาระของผู้ป่วย ส่วนพยาธิตัวเมียจะตายหลังจากออกไข่แล้วประมาณ 10,000-15,000 ฟองในบริเวณลำไส้ใหญ่ จึงสามารถพบพยาธิตัวเมียปนออกมากับอุจจาระให้ตรวจพบได้ไข่และพยาธิตัวอ่อนสามารถปนออกมาในอุจจาระให้ตรวจพบได้ เมื่ออุจจาระลงดิน ไข่จะกลายเป็นตัวอ่อนพร้อมที่จะเข้าสู่ร่างกายมนุษย์ที่ได้รับไข่ และจะกลายเป็นตัวแก่ต่อไป นอก จากนั้นไข่อาจจะเจริญเป็นตัวอ่อนที่รอบทวารหนัก ไชเข้าผิวหนังรอบทวารหนักเข้าสู่ร่างกายโดยไม่ต้องผ่านการลงดินก็ได้(ดังได้กล่าวแล้วในหัวข้อคนติดพยาธินี้ได้อย่างไร)ทั้งนี้ กระบวนการเหล่านี้ จะวนเวียนเป็นวงจรชีวิตไปเรื่อยๆ ไม่รู้จบ ถ้าไม่มีการรักษาและป้องกันโรค

การแยกโรค
  • อาการคันก้น อาจเกิดจากผื่นคันจากากรแพ้หรือโรคเชื้อราที่ผิวหนังรอบๆ ก้น (มักจะตรวจพบรอยผื่น) บางคนหลังจากหายจากอาการท้องเดินใหม่ๆ ก็อาจมีอาการคันก้นได้เช่นกัน บางครั้งอาจพบอาการคันก้นในผู้ที่เป็นริดสีดวงทวาร (มักมีอาการถ่ายเป็นเลือดสด ขณะนั่งเบ่งอุจจาระ) หรือแผลปริที่ปากทวารหนัก (มักมีอาการปวดก้นเวลานั่งถ่าย)
  • อาการคันช่องคลอด อาจเกิดจากผื่นคันจากการแพ้ที่ผิวหนังรอบๆ ช่องคลอด หรือช่องคลอดอักเสบ (มักมีอาการตกขาวร่วมด้วย)
อาการปวดท้องและน้ำหนักลด อาจเกิดจากโรคพยาธิชนิดอื่นๆ (เช่น พยาธิไส้เดือน พยาธิตัวตืด) หรือสาเหตุอื่นๆ
อาการแสดง
อาการของโรคพยาธิเส้นด้าย สามารถแบ่งออกได้ดังนี้
  •       อาการสำคัญที่สุดคือ อาการคันก้นในเวลากลางคืน ซึ่งเป็นเวลาที่พยาธิออกไข่ และตัวอ่อนไชผิวหนังรอบปากทวารหนัก ผู้ป่วยซึ่งส่วนใหญ่เป็นเด็กจะนอนไม่หลับเพราะคันก้น ร้องกวนงอแง จะพบว่าบางรายผิวหนังรอบปากทวารหนักจะอักเสบบวมแดง หรือกลายเป็นแผลจากการเกาบ่อยๆ บางครั้งในผู้ป่วยเด็กหญิง อาจจะมีอาการคันช่องคลอดเนื่องจากพยาธิพลัดหลงมาที่ช่องคลอด เกิดช่องคลอดอักเสบได้ เคยมีรายงานผู้ป่วยเด็กหญิงมีปีกมดลูกอักเสบ (Salpingitis) จากพยาธิตัวนี้ได้
  •        อาการที่เกิดจากพยาธิตัวอ่อนเดินทางผ่านปอด ได้แก่ ไอ แน่นหน้าอก หอบ เหนื่อย มีไข้คล้ายปอดอักเสบ ตรวจเสมหะด้วยการตรวจทางห้องปฏิบัติการ อาจพบตัวอ่อนปนออกมาได้ ซึ่งตัวอ่อนนี้ไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า
  •         อาการที่เกิดจากพยาธิตัวแก่ในลำไส้เล็กที่มีจำนวนมากได้แก่ อาการ เบื่ออาหาร น้ำ หนักลด หรือ ขาดอาหาร (ภาวะทุโภชนา) โดยเฉพาะในเด็ก อาจเกิดอาการลำไส้เล็กอักเสบเป็นแผล และ/หรือมีเลือดออกจากลำไส้เล็กได้    
  •     ในผู้ป่วยที่มีภูมิคุ้มกันต้านทานโรคต่ำ เช่น ได้รับยาสเตียรอยด์, ยาเคมีบำบัดรักษาโรคมะเร็ง, โรคเอดส์ อาจเกิดการแพร่กระจายของพยาธิตัวนี้จากลำไส้ไปยังอวัยวะอื่นๆทั่วร่าง กายได้ เรียกภาวะนี้ว่า Disseminated enterobiasis


การวินิจฉัยโรค
  •        ตรวจอุจจาระ พบไข่พยาธิลักษณะเป็นสีน้ำตาลรูปคล้ายตัว D หรือตัวอ่อนที่ฟักตัวออกจากไข่ปนอยู่ในอุจจาระ วิธีที่นิยมใช้กันคือ Scotch Tape technique โดยใช้สก๊อตเทปใส ด้านที่เหนียวแปะที่รอบปากทวารหนักเด็ก เพื่อให้ไข่พยาธิติดมากับเทป แล้วนำเทปมาแปะบนสไลด์แก้ว (Slide, แผ่นแก้วใส ที่ใช้ในการตรวจด้วยกลองจุลทรรศน์) ตรวจด้วยกล้องจุล ทรรศน์ จะเห็นไข่พยาธิได้อย่างชัดเจน การตรวจมักจะเลือกเวลาเช้าก่อนอาบน้ำ เพราะพยาธิมักออกไข่ตอนกลางคืน การตรวจในเวลานี้ก่อนอาบน้ำจึงมีโอกาสพบไข่ได้สูง
  •        พบตัวแก่ขนาดโตเต็มที่หลุดออกมากับอุจจาระ โดยมากจะเป็นตัวแก่ตัวเมียที่ตายแล้วหลังจากการออกไข่ พบได้จากการตรวจอุจจาระด้วยกล้องจุลทรรศน์ เพราะพยาธิตัวนี้มีขนาดเล็ก มองเห็นได้ด้วยตาเปล่าลำบาก

การดูแลตนเอง
          เมื่อมีอาการคันก้น ควรตรวจดูว่ามีผื่นคันที่รอบๆ บริเวณก้นหรือไม่ หรือมีอาการคันก้นหลังจากหายจากอาการท้องเดินหรือไม่ อาการปวดก้นขณะขับถ่าย หรือถ่ายเป็นเลือด ถ้ามีอาการข้อใดข้อหนึ่ง ก็ควรจะปรึกษาแพทย์
    แต่ถ้าไม่พบอาการดังกล่าว และมีอาการคันก้นมากตอนกลางคืน (โดยเฉพาะในเด็ก) ควรใช้ไฟฉายส่องที่ปากทวารหนัก ถ้าพบตัวพยาธิเส้นด้าย ก็ควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรเพื่อให้ยาถ่ายพยาธิ
       หลังจากรักษาโรคนี้จนหายดีแล้วควรหาทางป้องกันไม่ให้เป็นซ้ำอีก

การรักษา
       ผู้ป่วยที่มีอาการคันก้น (และในเด็กผู้หญิงอาจคันช่องคลอดร่วมด้วย) แพทย์จะให้ยาถ่ายพยาธิ ได้แก่ อัลเบนดาโซล (albendazole) หรือ มีเบนดาโซล (mebendazole) ซึ่งจะกินซ้ำอีกครั้งใน 1 สัปดาห์ต่อมา
           แพทย์มักจะจ่ายยาให้ทุกคนในบ้านกินพร้อมกัน เพื่อกำจัดพยาธิให้หมดไปพร้อมกัน มิเช่นนั้นอาจมีคนที่ยังมีพยาธิอยู่ในลำไส้แพร่กระจายให้คนอื่นๆ ในบ้านต่อไปเรื่อยๆ

ภาวะแทรกซ้อน
     ส่วนใหญ่ไม่มีภาวะแทรกซ้อน นอกจากอาการคันก้นมากจนนอนกหลับพักผ่อนไปเพียงพอส่วนผู้หญิง พยาธิอาจไต่เข้าไปในช่องคลอดหรือเข้าไปในมดลูกทำให้เกิดการอักเสบของช่องคลอด หรือมดลูกได้ที่พบได้น้อยมากก็คือ ผู้ที่มีพยาธิอยู่ในลำไส้จำนวนมาก อาจทำให้มีอาการปวดท้อง คลื่นไส้ และน้ำหนักลดได้
การดำเนินโรค
              เมื่อได้รับการรักษาที่ถูกต้อง ก็มักจะหายขาดได้ ส่วนผู้ที่ปล่อยให้เป็นเรื้อรัง ส่วนน้อยมากที่อาจทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนดังกล่าว
         เมื่อเด็กโตขึ้น รู้จักรักษาความสะอาดและมีสุขนิสัยดีขึ้น การติดโรคนี้ก็จะค่อยๆ ลดน้อยลงและหายไปในที่สุด
การป้องกัน
·   ถ่ายอุจจาระในส้วมที่ถูกสุขลักษณะเสมอ อย่าถ่ายอุจจาระลงแม่น้ำลำคลอง อย่าถ่ายอุจจาระลงพื้นดิน
·     ล้างมือให้สะอาด ฟอกสบู่ก่อนรับประทานอาหารทุกครั้ง เพื่อกำจัดไข่พยาธิที่อาจติด ตามมือและนิ้ว
·     ล้างมือให้สะอาดทุกครั้งโดยฟอกสบู่หลังจากถ่ายอุจจาระทุกครั้ง เพื่อกำจัดไข่พยาธิที่อาจติดมือไปแพร่ให้ผู้อื่นได้
·       ล้างมือเด็กบ่อยๆ เพราะเด็กชอบดูดมือและนิ้ว ถ้ามือเด็กสกปรกอาจมีไข่พยาธิเข้าปากได้ และตัดเล็บเด็กให้สั้นเสมอ
·       รับประทานอาหารสะอาด และสุกทั่วถึง ดื่มน้ำต้มสุก หรือน้ำที่ผ่านการกรองอย่างถูก ต้อง เพื่อกำจัดไข่พยาธิที่อาจปนเปื้อนอยู่ในน้ำได้
·       ล้างผัก ผลไม้ ให้สะอาดก่อนรับประทานเสมอ เพราะในผักผลไม้สดอาจมีไข่พยาธิปะ ปนมาได้ สวนผักบางแห่งอาจใช้อุจจาระเป็นปุ๋ยรดต้นผัก
·       สำหรับผู้ทำอาหาร หรือเตรียมอาหาร ต้องล้างมือฟอกสบู่ก่อนทำอาหารทุกครั้ง เพื่อป้องกันไข่พยาธิปะปนลงไปในอาหาร
·       ถ้าเดินทางไปประเทศที่การสาธารณสุขยังไม่ดี ต้องระมัดระวังเรื่องการดื่มน้ำและการกินอาหารเป็นพิเศษ
·         ไม่นำอุจจาระมาเป็นปุ๋ยรดผัก
·     ซักเสื้อผ้า เครื่องใช้ (เช่น ผ้าเช็ดตัว) เมื่อใช้แล้วเสมอ เพราะไข่พยาธิอาจติดไปกับเสื้อผ้า/เครื่องใช้ ได้ โดยเฉพาะกางเกงใน ซักผ้าปูที่นอนบ่อยๆ นำเครื่องนอนและเสื้อผ้าตากแดดเพื่อทำลายไข่พยาธิ
·       ควรใช้ชุดนอนเด็กให้กระชับป้องกันการเกาก้น

ความชุก
       โรคนี้พบบ่อยในเด็กอายุ 5-14 ปี โดยเฉพาะในหมู่คนที่อยู่รวมกันหลายคน เช่น ในครอบครัวที่มีคนหลายคน ในห้องเรียน หรือสถานสงเคราะห์เด็กกำพร้า

อ้างอิง






1 ความคิดเห็น:

  1. ไม่ระบุชื่อ4 มีนาคม 2565 เวลา 19:14

    ฉันไม่เคยคิดว่าจะหายจากโรคเริมอีกเลย ฉันถูกวินิจฉัยว่าเป็นเริมที่อวัยวะเพศตั้งแต่เดือนกรกฎาคมปีที่แล้ว จนกระทั่งวันหนึ่งฉันได้ไปค้นคว้าทางอินเทอร์เน็ต ซึ่งฉันเห็นคนให้การว่าหมอโอกาลาช่วยเขารักษาโรคเริมได้อย่างไร ด้วยยาสมุนไพรธรรมชาติของเขา ฉันประหลาดใจมากเมื่อเห็นคำให้การ และต้องติดต่อแพทย์สมุนไพร (โอกาลา) เพื่อขอความช่วยเหลือด้วย เขาส่งยามาให้ฉัน และฉันก็หายเป็นปกติภายใน 2 สัปดาห์หลังจากรับประทานยา ฉันรู้สึกขอบคุณผู้ชายคนนี้มากเมื่อเขาได้ฟื้นฟูสุขภาพของฉันและทำให้ฉันเป็นคนที่มีความสุขอีกครั้ง ใครก็ตามที่อาจประสบปัญหาเดียวกันหรือโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์โปรดติดต่อ Dr Ogala ทางอีเมล: ogalasolutiontemple@gmail.com หรือ WhatsApp +2349123794867

    ตอบลบ